วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555




!!!คลื่นความเหงากำลังจะเข้ามาแล้ว!!!



              ย่างเข้าเดือนหกฝนก็ตกพร่ำๆเลยทีเดียวเชียวล่ะค่ะ

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน น้องๆทั้งหลายของพี่สาวคนนี้ก็กำลังจะเปิดเทอมแล้วเช่นกัน

           วันนี้ญาติหลายคนต่างก็มุ่งตรงมาถามไถ่ถึงเรื่องการเรียนต่อของลูก

เอาไงดีล่ะ!อยากเรียนดนตรีต่อถ้าจะไปเรียนแบบโดยตรงอย่างเก่านั้นยากซะแล้ว

            เขาบอกกับม๊าว่าเขาติดบ้านมาก มีอะไรอีกมากมายในชีวิตที่ยังไม่ได้ทำ

เขาขอเอาเป็นแบบเรียนอยู่กับบ้านจะดีกว่าไหม ถึงเวลาสอบค่อยขึ้นไปสอบเป็นครั้งคราว

           ไม่จำเป็นต้องเรียนสายดนตรีโดยตรง แต่ค่อยๆฝึกอยู่กับบ้าน

เพราะปกติในสมัยก่อนที่เรียนอยู่ที่ในมหาวิทยาลัยนั้น เขาก็ซ้อมดนตรีด้วยตัวเองอย่างน้อย

          วันละ 8 ชั่วโมงอยู่แล้วนะ ถ้าหากต้องไปเรียนก็อาจจะไม่มีเวลาให้กับ

ดนตรีอย่างที่เคยเป็นอยู่ก็ได้ ญาติๆอยากให้เรียนอะไรก็ได้เพื่อให้จบปริญญาตรีสักหนึ่งใบ

           ลูกสาวดูสับสนอยู่หลายวันเหมือนกันนะ แต่ในที่สุดเขาก็เลือกเอาในแบบ

ที่เป็นตัวของเขาเอง เพราะการที่เราจะเป็นไปในแบบที่ไม่ใช่ตัวของเรา นั้นย่อมหมายถึง

          อาจจะไม่มีความอดทนพอที่จะเรียนให้จบลงไปได้เป็นแน่..........

เขาเองยังคงรักในงานดนตรีอยู่ ตอนนี้ก็รอจังหวะอยู่เหมือนกันว่าพอจะมีช่องทางทำงาน

         ในสิ่งที่ตัวเองรักและถนัดได้หรือเปล่า ก็มีรุ่นพี่เข้ามาชวนๆกันอยู่บ้าง

แต่เขาก็ยังไม่ได้ตอบรับพี่คนไหนไปเลย สำหรับตัวของม๊าเองก็คงแล้วแต่ใจของเขานั้นล่ะ

          เพราะรู้ดีว่า ลูกมีความเป็นตัวเองสูงมากการจะฝืนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ไม่ได้เป็นแน่อายุของเขาก็เริ่มที่จะเป็นผู้ใหญ่ตอนต้นแล้ว คงจะรู้จักผิดชอบชั่วดีกันได้บ้างล่ะ

          เราเป็นแม่มีหน้าที่อย่างเดียวคือ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้แก่ลูก

เป็นที่พักพิงทางใจให้เขาในยามที่เขาเหนื่อยล้า คอยพยุงเขายามที่เขาล้มหรือหมดแรงก็ 
          พอแล้ว
...................................................................................................................................

รักกันเบาๆ





รักกันเบาๆ

^^
     
ก่อนนั้น ลูกสาวมีน้ำตัวก่อนขึ้นชก 65 กิโล หน้าตาเอ๋อมาก

คล้ายเป็นเด็กดาวน์ซินโดมเลยล่ะ จนบัดนี้ก็ยังหาข้อสรุปกันไม่ได้สักที

     ว่าที่ลูกสาวอีช้านมีน้ำหนักตัวเข็มข้นซะขนาดนั้น อีกทั้ง

ยังมีรูปร่างหน้าตาที่ประหลาด อุปนิสัยที่ยากแก่การอธิบายได้ว่าเป็นอะไร

      เป็นเด็กอารมณ์สองขั้วสุดโด่ง กลางวันนอนหลับได้ตลอดเวลา

กลางคืนไม่นอนค่ะ ซ้อมแต่ดนตรีตรงนี้ยังพอมีข้อดีอยู่บ้างเพราะทำให้คุณเธอของเรา

       มีความชำนาญและช่ำชองในการณ์นี้ล่ะ แต่ก็ยังไม่ดีอยู่นั้นล่ะ

คุณหญิงปวดหัวสุดๆอยู่ตลอดเวลาคล้ายกระโหลกจะระเบิดขึ้นมาได้ เป็นหวัดภูมิแพ้แย่มาก

       โลกส่วนตัวสูงปรี๊ดดดดดดด รักหมา รักแมวมากกว่ารักแม่ เห่อๆๆๆ

มีทัศนะคติที่แปลกและแหวกแนวอยู่ตลอดเวลา จนม๊าทนไม่ไหวต้องให้ลูกดร๊อฟการเรียน

        หอบลูกจูงแมวกลับมาอยู่บ้านนอกได้ 6-7 เดือน ดูเขาได้พักจริงๆ

ดูเขาผ่อนคลายจริงๆ ดูเขาสนุกอยู่กับน้องๆจริงๆ ดูเขาเป็นสุขอยู่กับการทำอาหารจริงๆ

         ดูเขาสงบจากการสวดมนต์และปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง

ในที่สุดเขาก็รีดน้ำหนักลงได้ถึง 17 กิโล หน้าตาเปลี่ยนไปมั่ง! สุขภาพกาย-ใจแข็งแรงมาก

        ก่อนนั้นครูโรงเรียนชั้นประถมที่นี้เขาเคยล้อเรียกลูกว่าแม่โคนม คิกๆๆๆ

ตอนนี้พี่ป้าน้าอา แกล้งล้อเขาเล่นๆว่าโตจนเป็นสาวแล้ว ทำไมไม่ยอมเข้าไปเรียนที่ 

       มหาวิทยาลัย

แล้วจะมีโอกาสเจอหนุ่มๆกับใครเขาได้ล่ะ งิงิ ตรงนี้ล่ะเรื่องใหญ่เลย

      คุณแม่อย่างม๊าก็นอนคิดมากอยู่หลายคืนเหมือนกันนะ ลูกจะมีโอกาสได้เข้าเรียนปกติไหม?

       เมื่อวานคุณย่าคิดถึงเลยโทรฯมาหาหลานสาว ก็เลยปรึกษาเรื่องเรียนด้วย

คุณย่าบอกว่าอยากเรียนอะไรก็แจ้งไปแล้วกัน.........คุณย่าขาหลานสาวตัวดีของคุณย่า

        เคยโทรศัพท์หาญาติคนไหนบ้างล่ะค่ะ ไม่ใช่ถือดีหรืออวดดีใดๆหรอกค่ะ

แต่ว่าเขาเป็นเด็กเจียมตัว ยอมที่จะยืนหยัดอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงด้วยตัวเองให้ได้นะค่ะ

       อีกทั้งยังเกรงใจจนน่ากระทืบ(อุ๊บส์) อ่ะ ว่าไงก็ว่ากันเราเรือลำเดียวกันแล้วนี้